
การเดินทางมายังเกาหลีไต้ ดินแดนแห่งซีรี่ย์ในครั้งนี้ไกด์ได้เดินทางมาเป็นหัวหน้าทัวร์เกาหลีให้กับไทยโมเดิร์นทราเวล ในช่วงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม ซึ่งช่วงนี้บอกได้เลยว่าซากุระเกาหลีกำลังสะพรั่งไม่แพ้ญี่ปุ่นแน่นอน และยิ่งไปอ่านบทความที่น้องๆในไทยโมเดิร์นเขียนไว้เกี่ยวกับซากุระเกาหลีตามลิงค์ข้างล่างนี้ ยิ่งทำให้ไกด์ต้องไปดูซากุระที่เกาหลีให้ได้
https://thaimoderntravel.co.th/2018/01/17/เช็ควันซากุระบานเกาหลี/
แต่หลังจากที่ไกด์เห็นรายการทัวร์ที่ได้รับมาก่อนออกเดินทางก็ผิดหวังนิดนึง ที่ในรายการทัวร์เกาหลีครั้งนี้ไม่ได้พาไปชมซากุระเกาหลีซักสถานที่เลย เนื่องจากทัวร์เกาหลีครั้งนี้เป็นการจัดกรุ๊ปเหมาให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่พาหุ้นส่วนเกือบร้อยกว่าชีวิตมาสัมผัสกับหิมะพร้อมกับเล่นสกีเป็นเป้าหมายหลักของการเดินทางครั้งนี้
ตามตารางนัดหมายก็คือเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง เวลากำลังหิวรอบสองเลย ก็มีน้องดาว น้องหมิว และน้องตี๋ รอต้อนรับอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระพร้อมดำเนินเอกสารก่อนเข้าเกตให้กับผู้ร่วมเดินทางเกือบร้อยชีวิตในครั้งนี้ และในช่วงเวลาที่ไกด์เชื่อว่าหลายๆคนกำลังหิวแน่ๆ ก็มีเค้กกล้วยหอมจาก S&P พร้อมเสิร์ฟให้เราจากน้องๆทั้งสามคนก่อนการเดินทาง ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราจะทำการเหินฟ้ากับสายการบิน Korean Air และเท้าเราจะไม่แต่กับพื้นโลกในเวลาประมาณตีหนึ่ง แอบกระซิบได้ไหมว่าดึกมากกกกก แต่หลังจากที่ไกด์ตื่นขึ้นมาที่สนามบินอินชอนประเทศเกาหลีไต้ก็พอเข้าใจกับเวลาที่ทางบริษัททัวร์เลือกเวลาเดินทางให้ไกด์ได้เจอกับแสงยามเช้าของเกาหลีใต้ในอากาศเย็นในแบบของเกาหลีแท้ๆ
หลังจากที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีมาเรียบร้อยแล้ว เราก็มาคลายหนาวกันด้วยอุด้งร้อนๆ เติมพลังสำหรับการเดินทางในวันนี้
ขออนุญาตนำรูปอุด้งน่ากิน น่ากินจาก http://imgrid.net/post/1586765589592965063_3229823023 มาให้ดูกันดีกว่า เพราะไกด์ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนรีวิวเอาไว้ตั้งแต่แรกเลยเก็บรูปทุกท่วงท่าทำนองเอาไว้ครบทุกตอน (ตอนนั้นหนาวมากประมาณ 15 องศา เห็นอุด้งร้อนๆ ก็ไม่ทันนึกถึงเรื่องถ่ายรูปกันหรอก)
ในกำหนดการเดินทางช่วงเช้าของวันนี้ เรามีจุหมายของการเดินทางอยู่ที่ “ไร่สตรอเบอร์รี่” ลูกเบอเร่อ ก็พอจะมาทดแทนความอยากเสพซากุระของไกด์ลงได้บ้าง แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปสัมผัสวิถีชาวสตรอเบอร์รี่ ก็ต้องไปเดินย่อยอาหารกันที่ “Paju Premium Outlet”
ร้านป้าจุ๊ (Paju Premium Outlet) เนี่ยถ้าใครไม่ได้เดินทางมากับทัวร์เกาหลีละก็อาจจะเดินทางมาที่ร้านป้าจุ๊ยากหน่อยเพราะอยู่ห่างจากโซลกว่า 50 กิโลเมตร ถ้าถ้าใจรักจะมาช้อปของราคาถูกก็สามารถมาด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี “Hapjeong” ออกประตู 2 แล้วเดินย้อนขึ้นมาทางประตู 1 เพื่อรอรถสาย 2200 และคนก็แน่นมากด้วยเพราะเป็นสายที่ออกนอกเมือง
และแล้วก็ถึงเวลาที่เหล่าสาวๆ เดินเข้าสวนและเลือกมุมใครมุมเราถ่ายรูปกันไป ส่วนหนุ่มๆก็ชื่นชมกับบรรยากาศวิถีชีวิตชาวสตรอเบอร์รี่กันไป
อยู่ในโดมควบคุมอุณหภูมิก็ไม่หนาวมากมายเหมือนข้างนอก
ลูกที่โตเต็มที่ก็จะโตๆหน่อย (โตมากเลยล่ะ) แล้วหลังจากอุด้งที่รองท้องเบาๆเมื่อเช้า เที่ยงของวันนี้เราต้องมาจัดมื้อใหญ่กันแล้วกับเมนู “หมูย่างคาลบี้” (Galbi) 1 ใน 10 เมนูที่เมื่อมาเกาหลีแล้วต้องลองให้ได้
เนื้อกรุ่นๆจากเตาแบบนี้ บอกได้เลยว่างานนี้เรื่องกินเรื่องใหญ่
หลังจากที่เรายัดอาหารเกาหลีเข้าไปจนล้นกระเพาะแล้ว ก็ได้เวลามาเรียนรู้การทำอาหารประจำชาติเกาหลีอย่างกิมจิกัน พร้อมแล้วก็ลงมือจิบชาเกาหลีเอาฤกษ์กันก่อนลงมือทำกิมจิ กิมจิที่เรากินๆกันตอนเที่ยง ก็ไม่ได้ยากมากมาย ฮ่า
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการขะมักเขม้นทำกิมจิที่โรงเรียนสอนทำกิมจิกันแล้ว ก็มาผ่อนคลายกับการสัมผัสวัฒนธรรมเกาหลี
แล้วก็กลับมาสู่งช่วงเวลาของโลกจริงที่ “COSMETIC CENTER” ให้เหล่าสาวๆเราได้ชื่นใจกับเครื่องสำอางบำรุงเรือนร่างจากเกาหลีแบบแท้ๆ ก่อนที่จะไปดูหอคอยกรุงโซล Seoul Tower
ท้องฟ้ามันครึ้ม มันครึ้มหมอกอย่างนี้ นี่ไกด์ก็ใช้กล้องไอโฟนเจ็ดแล้วนะ แต่ท้องฟ้ามันไม่เป็นใจจริงจัง
ยังไม่ค่อยจุใจกับการเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่เราก็ต้องมากินจุกันอีกรอบก่อนเข้าพักกันอีกแล้ว ไหนๆก็มาเที่ยวทั้งที กินมันให้เต็มที่ซะหน่อยกลับไทยแล้วค่อยเบิร์นออกแล้วกัน
เมื่อหนังท้องตึง หนังตามันก็หย่อนเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้จริงๆ ยังไงคืนนี้ไกด์ขอทอดร่างที่โรงแรม Lotte Myeongdong ซึ่งก็หรูใช้ได้เลย อาบน้ำอุ่นๆ นอนสบายๆ เปิดฮีตเตอร์เบาๆ ฟื้นร่างกายไว้ปีนป่ายในวันพรุ่งนี้
จบวันนี้ด้วยรูปของ Lotte Myeongdong จาก https://www.booking.com/hotel/kr/lotte-city-seoul-myeongdong.th.html แล้วกัน เพราะเรื่องถ่ายรูปนี่ไกด์ไม่ชำนาญจริงจัง
เช้าวันนี้ขอฝากท้องไว้กับ Lotte Myeongdong แบบง่ายๆ เพราะต้องเตรียมตัวเดินทางกันต่อไปยัง “เกาะนามิ” ที่สายซีรี่ย์เกาหลียังยังไงก็ต้องรู้จักเกาะนี้
อาหารที่โรงแรม Lotte City Hotel Myeongdong ก็จะง่ายๆประมาณนี้
เตรียมตังซื้อตั๋วเพื่อเดินทางเข้าไปยังเกาะรูปใบไม้แห่งนี้กัน และทั้งเช้านี้เราก็จะใช้เวลาอยู่บนเกาะแห่งนี้กันทั้งเช้า กับเนื้อที่ประมาณ 270 ไร่กันเลย
Winter Lovesong กันขนาดนี้เลย แอบอิจฉาเบาๆ
ไม่ใช่สายซีรี่ย์อย่างไกด์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องต้นไม้ต้นนี้
บนเกาะนี้ก็มีมุมอื่นๆอีกมากมาย
ขอข้ามฉากกันไวๆ เพราะไกด์นี้หลงไหลเรื่องของกิน และมื้อเที่ยงของวันนี้ไกด์จะต้องผจญภัยกับเมนู “ทัคคาลบี้” (Dak Galbi) ให้เต็มท้องกันไปข้าง
2947/2940 ไอ้เจ้าเมนูทัคคาลบี้เนี่ยถ้าแปลเป็นไทยหน่อยก็น่าจะเป็นไก่บาบีคิวผัดซอสเกาหลีมั้ง แต่มันคือรสแบบเกาหลีเลย
2942
เดินกันมาทั้งเช้าก็เติมพลังกันซักหน่อยสองหน่อย
และหลังจากท้องอิ่มกันแล้วหลายๆคนอาจจะต้องงีบกันหน่อย เพราะเราต้องเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อไปพบกับหมีที่ “อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน”
ดูรูปสวยๆจาก http://calitokimchi.blogspot.com/2012/11/seoraksan-national-park.html กันไปก่อน เพราะวันนี้ที่ซอรัคซานฝนตก ไกด์แอบออกไปถ่ายเจ้าหมีตัวนี้ไม่ได้
อ่านไม่รู้เรื่อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หมีสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันได้
บรรยากาศข้างในก็จะหมีๆกันหน่อย เพราะข้างนอกมีทั้งฝนทั้งหนาว
ใกล้มืดแล้ว เราคงต้องทำให้หนังท้องตึงด้วย “ชาบูชาบู” ก่อนที่จะเข้าพักที่สกีรีสอร์ทกันคืนนี้
เย็นนี้แอบมีเซอร์ไพรซ์กันนิดนึง เพราะว่าในคณะเดินทางของเรามีคนเกิดวันนี้ถึงสองคน
คนถือเค้กไม่ใช่เจ้าของวันเกิด ฮ่า ฮ่า
มาถึงห้องพัก “OAK VALLEY SKI RESORT” กันแล้ว ก็ขอนอนเก็บแรงให้เต็มอิ่มเพราะพรุ่งนี้ต้องใช้พลังกายเยอะมากกับการเล่นสกี สกี สกี
หิมะตกหนักมาก
จบคืนนี้ด้วยภาพบรรยากาศการเล่นสกีช่างกลางคืนจาก http://korealtrip.com/trip/oak-valley-snow-park-ski-resort-reservation/?ckattempt=1 เพราะใจคืนนี้ก็อยากจะไปเล่นสกีมากๆ แต่ทำไงได้ หิมะตกแล้ว
หิมะก็หยุดตกกันแล้วแต่ท้องฟ้าก็ยังครึ้มหมอกอย่างนี้อยู่ดี ก่อนจะเริ่มสกีก็เติมท้องให้เต็มแล้วชักภาพหมู่กันซะหน่อย โดยจากกำหนดการเดิมวันนี้เราต้องเดินทางไปศูนย์โสมในตอนเช้าแต่เมื่อวานหิมะตกไม่สามารถเล่นสกีได้ ทุกคนในคณะก็เลยลงความเห็นกันว่ายังไงก็ต้องเล่นให้ได้ เรื่องศูนย์โสมเกาหลีอะไรก็ช่างมันเพราะเป้าหมายสำคัญของการเดินทางมาที่เกาหลีครั้งนี้ต้องเล่นสกีกันให้ได้ทุกคน
หิมะก็จะนุ่มๆน่านอนหน่อย
ฝึกใส่รองเท้าสกีกันก่อน
คู่นี้น่ารักสุดๆแห่งปี 2018
แวะมาเติมหน้ากันหน่อย
ระหว่างเดินทางไปที่ “พระราชวังเคียงบก” ของัดสตรอเบอร์รี่ยักษ์ที่ซื้อเก็บไว้ออกมารองท้องกันก่อน เพราะเราต้องเดินทางกลับมาที่โซลกันอีกครั้ง
แอบแวะมาถ่ายรูปกับ “Lotte City Hotel” หรือ “Lotte City Hotel Myeongdong” ที่เราพักกันในวันแรก
มาถึงพระราชวังกันแล้วก่อนจะแยกย้ายมุมใครมุมเราก็ต้องชักภาพหมู่ตามทำเนียมกันก่อน
ภายในพระราชวังแห่งนี้มีอาคารเก่ากว่า 200 หลัง ที่สร้างขึ้นมานานกว่าหกร้อยปีแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีอาคารเก่ามากมายแค่ไหน แต่ตอนนี้ขอกรี๊ดคนนี้ก่อนได้ไหม แลดูน่ารักมากมาย
ไหนๆ วันนี้เราก็ไม่ได้ไปศูนย์โสมกันมาแล้ว มื้อเที่ยงของวันนี้เราก็ต้องมีโสมบ้างล่ะ กับ “ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี” แต่พอควักมือถือออกมาจะถ่ายรูปแบตมือถือของไกด์ก็หมดไปแล้ว เลยต้องยืมรูปไก่ตุ๋นโสมเกาหลีจาก https://www.siksinhot.com/P/482489 มาอวดแล้วกัน
รูปบรรยากาศจริงก็ไม่จัดเรียงสวยหรูเท่ารูปเลยเพราะเกือบร้อยชีวิตที่เต็มไปด้วยความหิวกำลังจ้องไก่นั่นอยู่ แต่ข้างๆถ้วยไก่ตุ๋นก็ทำให้เราเข้าใจชัดเจนว่า “เกือบทุกเมนูของเกาหลีต้องมีกิมจิขึ้นเคียงจริงจัง”
ช่วงบ่ายของวันนี้เราก็คงต้องให้ทุกคนเตรียมเฟ้นหาของฝากที่ “ย่านเมียงดง” เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะอยู่ที่เกาหลีกัน ต้องออกเตรียมของตั้งแต่วันนี้เผื่อพรุ่งนี้ขาดเหลืออะไรจะได้หาเพิ่มเติมได้ทันก่อนกลับไทย โดยที่ย่านเมียงดงแห่งนี้ก็คือแหล่งรวมแฟชั่นของเกาหลีนั่นเอง เราก็จะเห็นหนุ่มๆสาวๆเกาหลีเต็มไปทั่วทุกทิศ
“เซลกันเข้าไป” ภาพบรรยากาศย่านเมียงดงจาก http://www.tooopen.com/view/1053277.html ซึ่งนอกจากโซนนี้ ตามตรอกซอกซอยก็มีร้านให้เราของฝากได้มากมายขนาดที่สยามของเรากลายเป็นเด็กแบเบาะไปเลย
หลังจากที่คณะเดินทางช้อปอย่างจุใจกันแล้ว ช่วงค่ำเราก็มีนัดเรื่องของกินอีกเช่นเคย และมื้อค่ำสุดพิเศษส่งคืนสุดท้ายที่เกาหลีของเราก็คือเมนู “ขาปูยักษ์” ยักษ์ ยักษ์ และไกด์ก็ขอยืมรูปจาก http://www.jacqsowhat.com/2015/04/crab-feast-sakura-international-halal.html มาอวดก่อน เพราะแบตมือถือของไกด์หมดไปแล้ว อดได้รูปจริงๆมาอวดกันเลย
เช้าสุดท้ายกับอากาศเย็นๆที่โซล ก็เหมือนเคยอย่างทุกวันที่ต้องเติมพลังด้วยเมนูอาหารเช้าที่ทางโรงแรม “Lotte City Hotel Myeongdong” จัดไว้ให้ วันนี้สำหรับไกด์ก็คงเป็นวันปกติเฉยๆ แต่สำหรับคณะเดินทางหลายๆท่านไกด์ก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ยังไงก็ตาม วันนี้ไกด์จะพยายามสร้างรอยยอิ้มกับทุกคนให้ได้มากที่สุดกับ “พิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติ” ก็แล้วกัน
จริงๆก่อนการเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติ เราก็ได้แวะที่ “โรงงานพลอยอเมทิส” และ “สมุนไพรฮ็อกเก็ตนามู” กันด้วย
หลังจากสนุกกับ “พิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติ” กันเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาอาหารเกาหลีมื้อเที่ยงเช่นเคย โดยเมนูสำหรับมื้อนี้ก็คือ “จิมดัก” (Jimdak) ซึ่งลักษณะก็อาจจะคล้ายๆไก่อบซอสสมุนไพรทางแถบอีสาน ส่วนรสชาติของมื้อนี้ก็สมุนไพรเกาหลีกันแท้ๆ และไกด์ก็ขอยืมรูปจาก http://bbkk.kr/food/view/2924 มาอวดแล้วกัน เพราะไกด์ลืมถ่ายรูป “จิมดัก” เอาไว้จริงๆ และน่าจะใกล้เคียงกับที่ลิ้นของไกด์บอกมาสุดๆแล้ว
หลังจากที่เติมความเป็นเกาหลีลงสู่ท้องจนเต็มแล้ว เราก็มาละลายเงินกันที่ร้านละลายเงินวอน ถือโอกาสเก็บตกสำหรับท่านที่ยังไม่ได้เตรียมของฝากสำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ฝั่งไทย หรือที่แอบแงะของฝากออกมากินระหว่างการเดินทางก็มาเตรียมของฝากกันใหม่ที่นี่กันเลย
สำหรับการเดินทางมาเล่นสกีที่เกาหลีครั้งนี้ไกด์ขอปิดท้ายด้วยภาพสนามบินอินชอนมุมสูงจาก https://www.koreanair.com/global/th/traveling/airport-transit-information.html เพราะไกด์คงออกไปถ่ายเองไม่ได้แน่ๆ และถึงจะออกไปถ่ายเองก็เก็บภาพสวยๆแบบนี้มาเล่าสู่กันฟังไม่ได้แน่ๆ