โอ้แอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในดินแดนที่เต็มไปด้วยความสวยงามทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย ธรรมชาติที่น่าทึ่ง ภูมิประเทศที่เป็นธรรมชาติสรรสร้างสวยงามในแบบของธรรมชาติจนน่าตะลึง พร้อมชายฝั่งอันตรึงตรา เป็นหนึ่งในจุดหมายของนักเดินทางจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสชีวิตที่หาไม่ได้จากดินแดนแห่งอื่นบางชีวิต มีเหลือเพียงที่แอฟริกาใต้แห่งนี้เท่านั้นให้เราได้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง
“แอฟริกาใต้”หนึ่งในประเทศที่ภูมิประเทศหลากหลายน่าสนใจมากและมีชีวิตที่น่าสนใจมากของโลกอาศัยอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้แห่งนี้ ให้เหล่านักเดินทางทริปทัวร์แอฟริกาใต้ได้พบการความหลากหลายตื่นตาให้ตราตรึง กับประเทศที่มีพื้นที่รวมกันใหญ่กว่าฝรั่งเศสกับสเปนรวมกันเสียอีก และแน่นอนว่าด้วยพื้นที่ประเทศขนาดใหญ่ วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตในประเทศแอฟริกาใต้ก็หลากหลายตามไปด้วย พร้อมรอเสิร์ฟเหล่านักเดินทางจากทั่วโลกให้เดินาทางมายังดินแดนแห่งนี้
เพราะว่าแอฟริกาใต้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตที่หลากหลาย ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวภายในประเทศแอฟริกาใต้แห่งนี้ก็มีหลากหลายเช่นกัน ในที่นี้จึงขอหยิบสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกลงความเห็นว่าต้องเดินทางมาเยือนเมื่อมาที่แอฟริกาใต้ หรือแม้กระทั่งบริษัททัวร์เองก็ยังต้องหยิบหลายๆสถานที่เข้ามาไว้ในรายการทัวร์แอฟริกาใต้ไว้รองรับเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินทางไปกับทัวร์แอฟริกาใต้ด้วย
อุทยานแห่งชาติครูเกอร์แห่งนี้เองก็เป็นจุดหมายสำคัญของนักเดินทางหลายๆท่านที่จะมาเที่ยวในแอฟริกาเพื่อมาเยี่ยมชมสายพันธุ์ต่างๆที่กำลังจะหายไปจากโลกใบนี้ โดยสัตว์หายากที่อาจจะเหลือกแค่ในอุทยานแห่งนี้เท่านั้นก็อย่างสิงโตขาวโดยการสำรวจในปี 2005 มีบันทึกว่าอุทยานแห่งชาติครูเกอร์แห่งนี้มีอิมพาลา 101,000 ตัว ควายป่า 31,060 ตัว ม้าลาย 21,100 ตัว ช้าง 12,470 ตัว แรดขาว 6,940 ตัว ยีราฟ 6,700 ตัว ไฮยีน่าประมาณ 2,500 ตัว สิงโตประมาณ 2,000 ตัว และเสือดาวประมาณ 1,000 ตัวมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างน้อย 147 ชนิด นก 507 ชนิด ต้นไม้ 336 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 114 ชนิด ปลา 49 ชนิด และสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก 34 ชนิด
เป็นสถานที่ภายในเมืองเคปท์ทาวน์ประเทศแอฟริกาใต้ที่เหล่านักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดเมื่อมาที่แอฟริกาใต้กับบรรยากาศริมน้ำที่โรแมนติกมากเป็นพิเศษ ซึ่งนอกจากความโรแมนติกที่ไม่ว่าจะเดินยังไงก็พบที่ริมน้ำแห่งนี้ก็ยังแหล่งรวมความสนุก มีร้านอาหาร ร้านค้า ผับ โรงละคร และอื่นๆอีกมากมายให้เราได้ดื่มด่ำกับความโรแมนติกนี้ได้ตราบนานเท่านาน
ก่อนกล่าวถึง Table Mountain National Park หรือถ้าแปลตรงตัวก็ภูเขารูปโต๊ะนี่ ขอเล่าถึงเมืองเคปทาวน์ (Cape Town) เพราะเป็นหนึ่งในเมืองที่เมื่อเดินทางมาเที่ยวแอฟริกาใต้ก็ต้องแวะใช้ชีวิตกันที่นี่ก่อน
และเมื่อเราย่ำเท้าภายในเมืองกันแล้วก็ต้องมาที่ Table Mountain National Park แห่งนี้เพื่อมองเมืองเคปทาวน์กันให้ทั่วทุกมุม
มาดูมุมอื่นๆของ Table Mountain National Park กัน
นอกจากสามสถานที่ท่องเที่ยวของแอฟริกาใต้ที่ได้หยิบมาแลกเปลี่ยนกันในวันนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหรืออื่นๆอีกมากให้เหล่าผู้ชื่นชอบการเดินทางท่องโลกได้มาเยือน อย่างเช่น Drakensberg Amphitheatre, ชายหาดเดอร์บัน, เมืองคนิสนา และอืนๆอีกมากมาย
ปัจจุบันสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยไม่ต้องขอวีซ่าแอฟริกาใต้ล่วงหน้าสำหรับการเดินทางเข้าประเทศแอฟริกาใต้ (อ้างอิงจาก //www.thairath.co.th/content/1145528) และสามารถเที่ยวแอฟริกาใต้ทุกซอกทุกมุมกับเวลา 30 วันในดินแดนแห่งนี้กันเลย
ประเทศแอฟริกาใต้ใช้ระบบไฟฟ้าใกล้เคียงกับประเทศไทยที่ความต่างศักย์ไฟฟ้าประมาณ 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิร์ต ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำมาจากประเทศไทยจะไม่มีปัญหาอะไรเมื่อนำมาใช้งานที่ประเทศแอฟริกาใต้ แต่จะมีปัญหาก็ตรงที่ปลั๊กไฟที่ใช้งานมันไม่เหมือนกับปลั๊กไฟทั่วไปที่เราใช้งานกันแน่นอน เพราะที่แอฟริกาใต้ส่วนใหญ่จะใช้ปลั๊กไฟแบบ D, M, N (Type D/Type M/Type N) และเราต้องพก Universal Power Adapter ไปด้วยอย่างแน่นอน
ภาพปลั๊กแบบต่างๆจาก //gearpatrol.com/2015/02/06/guide-to-plugs-and-sockets-by-country/
วิธีที่เหล่านักเดินทางชาวไทยชอบใช้งานกันก็น่าจะเป็นการเช่า Pocket WIFI จากประเทศไทยไปใช้งานอินเตอร์เน็ตที่แอฟริกาใต้ แต่ก็มีทางอื่นอย่างเช่นการเปิดโรมมิ่งที่ปัจจุบันมีราคาถูกมากแล้ว และอีกทางคือการเลือกซื้อซิมการ์ดที่แอฟริการใต้ใส่เข้ากับโทรศัพท์เราเพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตที่แอฟริกาใต้กันเลย ตัวซิมการ์ดเองราคาประมาณ 200-300 บาท ส่วนค่าอินเตอร์เน็ตแบบ 5GB ราคาประมาณพันนิดๆ ซึ่งอาจจะสูงกว่าการโรมมิ่งอินเตอร์เน็ตจากประเทศไทยกันเลย