ดูไบ และอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองอภิมหาเศรษฐีนั่นเอง ที่เรียกได้ว่าเว่อร์วังอลังการ หากใครมาเที่ยวที่นี่ก็คงต้องนึกถึงความหรูหรา ล้ำสมัย ความยิ่งใหญ่ตระกาลตา กันเลยทีเดียว จากเมืองทะเลทรายกลายเป็นเมืองสวรรค์ ทั้งโรงแรม แหล่งช๊อปปิ้ง และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แต่ละที่ขอบอกว่าสวยมากของมากที่สุด ถ้าได้มาสักครั้งรับรองจะต้องติดใจอย่างแน่นอน
ดูไบ หนึ่งในเมืองของประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจโดยเป็นเมืองท่าหลักแห่งหนึ่งของโลก ดูไบไม่เพียงขึ้นชื่อด้านความมั่งคั่งของเมืองอันดับต้นๆของโลก แต่ยังขึ้นชื่อในการเป็นเมืองมหัศจรรย์ที่ถูกเนรมิตขึ้นมาบนผืนทะเลทรายเพื่อเป็นเมืองที่ทันสมัยล้ำยุค เป็นที่ตั้งของตึกดูไบระฟ้าระดับโลก แหล่งร้านค้านานาชาติ ห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมชั้นนำ แหล่งวัฒนธรรมอาหรับที่น่าตื่นใจ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวดูไบด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ง่ายดายด้วยระบบการคมนาคมขนส่งที่ได้รับการวางแผนมาเป็นอย่างดี
ดูไบตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีพื้นที่ประมาณสี่พันตารางกิโลเมตร(ใหญ่กว่ากรุงเทพมากกว่าสองเท่า) และมีประชากรประมาณ 1,674,000 คน
ดูไบเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆและสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ขณะเดียวกันก็ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดและปลอดภัยแต่ที่ดูไบเป็นหนึ่งในลิสต์ของนักท่องเที่ยวหลายคน(โดยเฉพาะนักช้อป) ก็เพราะว่าที่นี่มีการขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากนี้ดูไบยังมีตลาดหรือที่เรียกว่า “ซุก” (Souk) โดยจะขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ซุกที่ขึ้นชื่อก็อย่างเช่นย่าน Deira Covered Souk ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของดูไบ
“Burj Khalifa” เป็นอีกหนึ่งสถานที่เมื่อเดินทางมาที่ดูไบต้องมาสัมผัสให้ได้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก-ของยุคปัจจุบัน 2018 ก่อนที่อาคาร “Jeddah Tower” ที่ซาอุดิอาระเบียจะสร้างเสร็จในปีคริสตศักราช 2020
ไหนๆก็มาถึงเมืองที่เนรมิตขึ้นมาบนทะเลทรายแล้ว ก็คงต้องสัมผัสกับชีวิตแห่งทะเลทรายกันบ้าง โดยเมื่อเรามาเยือนทะเลทรายผืนนี้แล้วก็มีทัวร์มากมายที่จะพาเราท่านสูดกลิ่นไอแห่งผืนทรายดั้งเดิมของอาหรับ
นอกจากสามสถานที่ ที่ยกมาแล้วนั้น ที่ดูไบแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้เหล่านักเดินทางได้รู้จักกับโอเอซิสบนผืนทะเลทรายแห่งนี้มากมาย
ที่ดูไบใช้ไฟฟ้าแรงดันประมาณ 220 โวลต์ที่ความถี่ประมาณ 50 เฮิร์ตเช่นเดียวกับประเทศไทย ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าเราสามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยมาใช้ที่ดูไบได้ แต่เราจะยังไม่สามารถใช้งานได้ทันทีเพราะระบบปลั๊กไม่เหมือนกับที่ไทย โดยที่ดูไบจะใช้ปลั๊กรูปแบบ G (Type G) ปลั๊กสามขาที่ไม่เหมือนกับที่ไทย ทำให้เมือเราจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจะต้องพก Universal Adapter ติดตัวไว้ทุกการเดินทางไปต่างแดน
ปัจจุบันสำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางจากประเทศไทย ก่อนเดินทางเข้าสหรัฐอาหรับอิมิเรตยังคงต้องทำการขอวิซ่าล่วงหน้าก่อน ซึ่งวิธีที่ง่ายสุดคือการเดินทางไปกับสายการบินเอมิเรตแล้วยื่นขอกับสายกรบิน หรืออีกวิธีที่สะดวกก็คือการฝากยื่นขอวีซ่าผ่านเอเจนซี โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในการยื่นขอวีซ่าเอมิเรตสำหรับนักท่องเที่ยวได้ที่
ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าเพื่อเข้าประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
//www.emirates.com/th/thai/before-you-fly/visa-passport-information/uae-visas/
โดยหากเราเดินทางผ่านสายการบินเอมิเรตก็จะต้องเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าคือ (1) หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันดินทาง (2) รูปถ่ยสี 2 นิ้ว จำนวนสองรูป (3) จดหมายรับรองการทำงาน (4) สำเนาหลักฐานทางการเงินย้อนหลัง 6 เดือน (5) สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน (6) Confirmation Booking ของตั๋วเครื่องบินสายการบินเอมิเรต (7) ใบปะหน้าโดยประกอบด้วยข้อมูลบิดา/มารดาของผู้เดินทาง ข้อมูลที่พักอาศัยปัจจุบัน ที่อยู่ในดูไบพร้อมหมยเลขโทรศัพท์ ข้อมูลด้านการศึกษา และสำหรับผู้ที่แต่งงนแล้วต้องแจ้งรายละเอียดของคู่สมรสด้วย ซึ่งการดำเนินการยื่นขอวีซ่าเอมิเรตปกติจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5 – 10 วันทำการ โดยดูไบนั้นหยุด วันพฤหัสบดีและศุกร์ ส่วนเสาร์และอาทิตย์นั้นเป็นวันทำการ