ฟุกุโอกะ (福岡) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของญี่ปุ่น เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในเกาะคิวชู เป็นเมืองหน้าด่าน มีสนามบินนานาชาติ มีความเจริญ ที่ครบครัน มีระบบการขนส่งที่ดี ถนนหนทางที่กว้างขวาง ความสะอาด ปลอดภัยของเมือง ถึงแม้จะเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่แต่กับมีบรรยากาศที่สบาย เหมาะแก่การพักผ่อน ผู้คนเป็นมิตร และเป็น 1 ใน ทัวร์ญี่ปุ่น ที่มีบ่อยๆเลยทีเดียว
“ฟุกุโอกะ” (福岡) ด้วยความที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ มีสนามบินนานาชาติ ทำให้หลายๆคนที่มาเที่ยวที่เกาะคิวชุจะต้องลงเครื่องที่สนามบินแห่งนี้ จะต้องแวะเที่ยว ด้วยความที่มีกกรขนส่งโดยรอบทำให้การเที่ยวค่อนข้างรวดเร็วมีเวลาไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆในคิวชูเยอะขึ้น
การเดินทางในเมืองฟูกุโอกะมีการคมนาคมขนส่ง เช่น Japan Railways, Nishitetsu Railways, รถไฟใต้ดิน 3 สาย และเครือข่ายรถบัส ซึ่งสถานทีหลักของเมืองคือ Hakata Station รถบัส Fukuoka City Loop Bus”Green” เป็นเส้นทางรถบัสอีกสายหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว โดยจะให้บริการเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดราชการเท่านั้น เชื่อมต่อสถานี Hakata Station ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆในเมืองฟูกุโอกะ เช่น ศูนย์การค้าคาแนลซิตี้(Canal City)
เนื่องจากเมืองฟูกุโอกะ เป็นเมืองขนาดใหญ่ มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วันนี้เราจะยกตัวอย่างสถานที่ที่น่าสนใจมาโดยคร่าวๆ
เป็นสวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีสระน้ำขนาดใหญ่ตรงกลางมีทางเดินโดยรอบเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน หากใครอยากพักผ่อน สบายๆปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยๆต้องที่นี่ มีกล้องถ่ายรูปซัก 1 ตัว คุณจะได้ภาพบรรยากาศเก็บไว้รวมถึงบรรยากาศดีๆเก็บไว้
ภาพสวนโอโฮริจาก //deecantabile.blogspot.com/2011/04/ohori-park-im-in-love.html
เป็นย่านที่มีชื่องเสียงแห่งหนึ่งโดยร้านโดยทั่วไปจะเป็นลักษณะแบบยาไต มีที่นั่งนั่งได้ 6 – 10 คน ทั่วทั้งเมืองฟูกุโอกะมีร้านภึง 150 ร้าน แต่แถวตอนใต้ของเกาะนาคาสุ(Nakasu Island)ที่อยู่กลางเมืองฟูกุโอกะ เป็นที่นิยมมากที่สุด มีร้านอาหารแบบยาไตถึง 10 ร้าน ตลอดริมทางเดินริมแม่น้ำ
ภาพย่านซุ้มอาหารจาก //www.willflyforfood.net/2017/03/02/yatai-food-stalls-a-beloved-late-night-symbol-of-fukuoka-japan/
เป็นหัวใจของเมืองฟูกุโอกะหรือเกาะคิวชู เป็น downtown area มีสินค้าให้เลือกซื้อแทบทุกชนิด มีเลือกช็อปปิ้งทั้งบนดินและใต้ดิน ในส่วนของใต้ดินนั้นใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะคิวชู ที่ตกแต่งทั้งพื้น ผนัง และเพดานสไตล์ยุโรปไว้อย่างสวยงาม เป็นระยะทางเดินยาวมากกว่า 600 เมตร มีร้านค้าและร้านอาหารรวมกันอยู่มากมาย สามารถเดินต่อจากสถานีรถไฟและสถานีรถไฟใต้ดินเทนจิน
ภาพเทนจิจาก//youinjapan.net/fukuoka/tenjin.php
ในย่านฟูกุโอกะนั้นยังมีที่เที่ยว วัด หรือสถานที่ธรรมชาติ ให้ทุกคนได้เลือกเที่ยวกันอีกมากมาย ตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเป็นเพียงสถานที่คร่าวๆเท่านั้น ขอบคุณข้อมูลสถานที่เที่ยวจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่อ้างอิงมา หากเพื่อนคนในไปทัวร์ญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะไปเมืองฟูกุโอกะกันด้วยน่ะครับ
วีซ่าท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปกับทัวร์ญี่ปุ่นหรือไปเองก็ตาม ไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าแล้วสำหรับการเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน สามารถใช้หนังสือเดินทางประเทศไทยผ่านเข้าประเทศได้เลย โดยสิทธิ์วีซ่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับประเทศไทยจะมีอายุ 15 วัน ซึ่งก็เต็มเหนี่ยวมากสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นในหนึ่งทริปการเดินทาง แต่สำหรับท่านที่ต้องการวีซ่าประเภทอื่น สามารถตรวจสอบรายละเอียดที่เป็นปัจจุบันได้ที่เว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย www.th.emb-japan.go.jp
ประเทศญี่ปุ่นใช้แรงดันไฟฟ้าประมาณ 100 โวลต์ที่ความถี่ 50-60 เฮิร์ต แต่ประเทศไทยบ้านเราดันใช้ระบบไฟฟ้าแรงดันประมาณ 220 โวลต์(แต่ความถี่อยู่ที่ 50-60 เฮิร์ต เหมือนกัน) ซึ่งไม่ต้องเป็นกังวลไปว่าจะไม่สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำมาจากประเทศไทยไม่ได้ เพราะว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในปัจจุบันออกแบบมาให้สามารถทำงานได้ตั้งแต่แรงดันไฟฟ้า 100 – 250 โวลต์กันอยู่แล้ว ที่ต้องสนใจเป็นพิเศษอาจจะต้องสนใจปลั๊กที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเกือบทั้งหมดจะเป็นแบบ A (Type A) คือเป็นแบสองขาแบนไม่มีกราวด์ถ้าเป็นที่ชาร์จแบตมือถือส่วนใหญ่ในไทยก็ฉลุยเลย แต่สำหรับอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊คคงต้องพก Uniersal Adapter ไว้อุ่นใจกว่าครับ
ภาพปลั๊กแบบต่างๆจาก //gearpatrol.com/2015/02/06/guide-to-plugs-and-sockets-by-country/
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าญี่ปุ่นมีไวไฟฟรีให้ใช้เยอะมากเลยครับตามเมืองใหญ่ๆหรือโรงแรมส่วนใหญ่ ถ้าเป็นที่สนามบินก็เร็วมากซะด้วย แต่ถ้าเป็นตามเมืองก็ช้าเอามากโดยเฉพาะถ้าขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินนี่แทบใช้งานไม่ได้ ทำให้บริษัททัวร์ทั้งหลายรวมถึงทัวร์ญี่ปุ่นเองส่วนใหญ่ก็จะยังเตรียม Pocket Wifi ไว้ให้กับลูกค้าอยู่ดี แต่สำหรับหลายๆท่านที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวญี่ป่นด้วยตนเองหรือต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตแยกกับคนอื่นสำหรับทริปท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ก็มีทางเลือกคือ
เปิดโรมมิ่งซื้อแพคเกจไม่จำกัดจากไทยไปใช้งานเลย ค่ายยักษ์ทั้งสามผู้ให้บริการทั้ง AIS DTAC และ TRUE ซึ่งจะมีราคาประมาณ 250 -2600 บาท ตามระยะเวลาการใช้งาน 1 – 7 วัน แล้วแต่เครือข่าย โดยแต่ละเครือข่ายมีรายละเอียดต่างกันลองศึกษาดูจากเว็บไซต์ของเครือข่ายโดยตรงจเป็นข้อมูลปัจจุบันมากกว่า
ซื้อซิมการ์ดญี่ปุ่นมาใช้งานเป็นอีกวิธีที่จะใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ โดยส่วนใหญ่คนไทยเราจะใช้บริการจาก bmobile ซึ่งเป็นซิมการ์ดจาก Docomo และมีให้ใช้งานซิมการ์ดถึง 2 แบบ คือ แบบ PAYG SIM และแบบ VISITOR SIM สำหรับ PAYG SIM จะเป็นซิมการ์ดแบบลงทะเบียน จะสามารถเลือกใช้งานได้ในระยะเวลา 7 วัน และ 14 วัน ซึ่ง PAYG SIM ในระยะเวลา 7 วัน จะสามารถใช้โทรออก-รับสาย และส่ง SMS ได้รวมไปถึงใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 4G และ 3G ได้สูงสุด 3 GB โดยจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 9,980 เยน (ประมาณ2,700 บาท) ส่วนแบบ 14 วัน จะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้สูงสุด 3 GB เพียงอย่างเดียว และมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 4,990 เยน (ประมาณ 1,350 บาท) ส่วน VISITOR SIM นั้นไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนซิมการ์ดให้เลย ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ 2 แบบ คือ แบบใช้งานอินเทอร์เน็ต 1 GB โดยไม่กำหนดระยะเวลา และแบบการใช้งานอินเทอร์เน็ตในระยะเวลา 14 วัน โดยสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน 4G/3G แบบไม่จำกัด แต่ความเร็วอินเทอร์เน็ตแค่ 300 Kbps เท่านั้น โดย VISITOR SIM ทั้ง 2 แบบ จะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 3,686 เยน (ประมาณ 1,000 บาท)