ประเทศเกาหลี เป็นหนึ่งในประเทศที่สร้างการรับรู้สู่นานาชาติด้วยการผลิตสื่อมีเดียส่งออกทั่วโลกกระทั่งเป็นที่รู้จักและมีความต้องการทำความรู้จักประเทศแห่งนี้จากนักเดินทางทั่วโลกมากมายถึงขั้นมีการจัดโปรแกรมทัวร์เกาหลีออกมามากมายเพื่อนำเหล่านักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกมายังดินแดนกิมจิแห่งนี้ ซึ่งนอกจากฉากที่เราเห็นในซีรีย์เกาหลีแล้ว ที่ประเทศเกาหลียังมีอีกหลายที่รอให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ไม่ว่าจะวางแผนเดินทางมาด้วยตัวเองหรือร่วมเดินทางมากับบริษัทที่ทำการจัดรายการทัวร์เกาหลีตลอดทั้งปี
ดินแดนกิมจิ ประเทศเกาหลีนี่เรียกว่าเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับจีนและญี่ปุ่น ปัจจุบันนี้เกาหลีนั้นได้แบ่งเป็นเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเรื่องราวของที่นี่เริ่มต้นจากอาณาจักรโชซ็อนโบราณ ตามที่เราติดตามในซีรีย์กันอย่างสนุกสนานนั่นเอง กระทั้งภายหลังการแบ่งประเทศเกาหลีเหนือและใต้ ทำให้การท่องเที่ยวเกาหลีเหนือหรือทัวร์เกาหลีก็เข้าไปเยือนอารยธรรมฝั่งเกาหลีเหนือได้ยากขึ้น แต่ก็ยังมีบริษัททัวร์ทำเส้นทางทัวร์เกาหลีเหนือให้เหล่านักเดินทางเข้าไปเยือนประเทศนี้ได้อย่างอุ่นใจ ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องการท่องเที่ยวหรือทัวร์เกาหลีส่วนใหญ่จึงหมายถึงการเที่ยวในเกาหลีใต้ ที่เรายังเข้าถึงความงามที่หลงเหลืออยู่และที่สร้างขึ้นใหม่ พูดได้ว่าเกาหลีใต้นั้นเป็นประเทศที่สนับสนุนด้านการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ทีเดียว แถมมีการอนุญาติผู้ที่ถือหนังสือเดินทางสัญชาติไทย สามารถเดินทางมาประเทศเกาหลีได้ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา งานนิทรรศการ หรือเยี่ยมครอบครัว ซึ่งโดยไม่จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าและสามารถอยู่ในประเทศเกาหลีได้นานสูงสุดถึง 90 วัน กันเลยแหละ พูดแล้วต้องลองหาโอกาสมาท่องเที่ยวที่เกาหลีกันเลย
ประเทศเกาหลีน่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายที่หลายๆคนต้องการเดินทางมาเยือน ทั้งการมาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว หรือไม่ว่าจะเป็นการตามมาเยี่ยมศิลปินที่ชื่นชอบก็ตาม ก็ทำให้ประเทศนี้ต้องสร้างอะไรที่น่าสนใจเพื่อรอรับเหล่านักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีก็มีทั้งสิ่งที่มีมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ สิ่งที่มีเรื่องราวมาจากซีรีย์เกลาหลี หรือสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อคุณภาพชีวิตของประชากร ก็มีให้เหล่านักเดินทางมาสัมผัสกันได้ที่ประเทศเกาหลีแห่งนี้
นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยิี่ยมชมมากเมื่อมาที่กรุงโซลพระราชวังแห่งนี้ยังเป็นเหมือนสัญลักญณ์แก่งการท่องเที่ยวของกรุงโซลเลยก็ว่าได้ ซึ่งพระราชวังเคียงบกกุงจะสามารถเรียกชื่ออีกแบบกันว่า “พระราชวังคยองบกกุง” ซึ่งเดิมทีภายในเขตพระราชวังมีอาคารสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 200 หลัง แต่ปัจจุบันถูกทำลายให้เหลือเพียง 10 หลังเท่านั้น
ดูภาพความละเอียดสูงของพระราชวังเคียงบกกุงได้ที่: http://pxhere.com/en/photo/1052457
เป็นย่านช้อปปิ้งที่คึกคักมากถึงมากที่สุด ตั้งอยู่ที่ใจกลางกรุงโซลและเป็นที่น่าตื่นเต้นมากเมื่อเราพบรายงานข้อมูลสถิติว่าย่านช้อปปิ้งเมียงดงนี้สามารถดึงดูดนัท่องเที่ยวให้เข้ามาได้มากกว่าหนึ่งล้านคนต่อวัน
ภาพแหล่งช้อปปิ้งย่านเมียงดง: kanjunglemap.blogspot.com
ล็อตเต้เวิร์ลเป็นสวนสนุกในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเพราะว่าล็อตเต้เวิร์ลเป็นสวนสนุกในร่ม จึงสามารถเปิดให้บริการได้ทั้งปีสำหรับประเทศที่ีสภาพอากาศมีทั้งฝนหนักกับหิมะตกอย่างประเทศเกาหลี
ภาพบรรยากาศสวนสนุกล็อตเต้เวิร์ล: Tourist Destinations
นอกจากสามสถานที่ภายในกรุงโซลของประเทศเกาหลี่ที่เรายกมาเป็นตัวอย่างแล้วยังมี หมู่บ้านชอนจูฮันอก(Jeonju Hanok Village) เขาด็อกยูซาน(Deogyusan Mountain National Park) สวนสนุกเอเวอร์แลนด์(Everland) แดดุนซาน(Daedunsan) ไร่ชาเขียวโบซอง(Boseong Green Tea Plantation) อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน(Seoraksan National Park) หมู่บ้านบุกชอนฮันอก(Bukchon Hanok Village) และสถานที่อื่นๆอีกมากมายรอให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ไปสัมผัสกับความลงตัวของประวัติศาสตร์และความทันสมัยในช่วงเวลาที่เดินพร้อมกัน
สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางสัญชาติไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา งานนิทรรศการ หรือเยี่ยมครอบครัว (General Visit) ที่ประเทศเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่า และอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ว่าในระหว่างขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเจ้าหน้าที่อาจจะมีการเรียกตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งทางสถานฑูตเกาหลีประจำประเทศไทยแนะนำว่าให้เตรียมเอกสารเผื่อไว้ให้ครถ้วนโดยเอกสารดังนี้จะต้องเป็นภาษาอังกฤษคือ
(1) หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
(2) หลักฐานการจองที่พัก
(3) แผนการท่องเที่ยว
(4) หนังสือเชิญจากประเทศเกาหลี
(5) หลักฐานการทำงานหรือศึกษาในประเทศไทย
(6) หลักฐานแสดงสถานะทางการเงินในประเทศไทย
(7) หากมีการเปลี่ยนชื่อ/นามสกุลมาก่อน ต้องเตรียมหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-สกุลมาด้วย
ระบบไฟฟ้าที่ปรเทศเกาหลีใต้ปกติทั่วไปจะใช้แรงดันไฟ้า 220 โวลต์ที่ความถี่ 50-60 เฮิร์ตเหมือนกับที่ไทยเรา จึงมั่นใจได้เลยว่าเครื่องไฟฟ้าที่นำมาจากประเทศไทยจะสามารถทำงานได้แทบทุกเครื่อง(ถ้ายังไม่เสีย) แต่ที่น่าจะเป็นปัญหากับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจากบ้านเราก็น่าจะเป็นรูปแบบปลั๊กซึ่งเป็นรูกลบแบบ C (Type C) ซึ่งถ้าเราเดินทางไปเที่ยวเกาหลีกับบริษัททัวร์ เรื่องเหล่านี้บริษัทร์ทัวร์เกือบทั้งหมดจะเป็นผู้จัดการให้กับเราล่วงหน้าก่อนการออกเดินทางอยู่แล้ว แต่สำหรับท่านที่หลงไหลการเดินทางไปสัมผัสโลกด้วยตนเองก็อาจะต้องพกพา Universal Adapter เพื่อแปลงรูปแบบปลั๊กให้สามารถใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรามีให้สามารถทำงานได้อย่างราบลื่น
ภาพปลั๊กแบบต่างๆ: https://gearpatrol.com/2015/02/06/guide-to-plugs-and-sockets-by-country/
ไวไฟฟรีที่สนามบินโซลแรงมากลื่นหัวแตกกันเลย และที่โรงแรมเกือบทั้งหมดก็มีบริการฟรีไวไฟด้วย อีกทั้งตามตรอกซอกซอยก็สามารถหาสัญญาณไวไฟฟรีได้ไม่อยากเลย แต่สำหรับท่านที่ต้องเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ตลอดเวลาและต้องการความมั่นใจก็มีสามทางเลือกหลักๆที่เป็นที่นิยมกัน โดยวิธีที่นิยมกันมากที่สูดคือการเช่า Pocket Wifi ไปใช้งานซึ่งแนะนำให้ซื้อจากที่ไทยได้เลยเนื่องจากราคาไม่ต่างกันมาก หรือบางทีอาจจะได้โปรโมชั่นดีกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งท่านที่เดินทางไปกับบริษัททัวร์อาจจะไม่จำเป็นต้องเตรียมการในส่วนนี้เลยเนื่องจากบริษัททัวร์ส่วนใหญ่จะเตรียมการเรื่องเหล่านี้ไว้สำหรับลูกทัวร์อยู่แล้ว วิธีที่สองที่เป็นที่นิยมและกำลังนิยมมากขึ้นเรื่อยๆคือการซื้อซิมการ์ดอินเตอร์เน็ตใช้งานซึ่งสามารถซื้อได้ทั้งที่เกาหลีหรือซื้อจากที่ไทยใช้งานได้เลย และอีกวิธีคือการเปิดโรมมิ่งจากเครือข่ายผู้ให้บริการจากไทยให้สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เกาหลีได้ ซึ่งสามารถเช็คค่าใช่จ่ายได้จากเว็บไซต์ของผู้ให้บริการด้โดยตรง