สวิตเซอร์แลนด์ หรือในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สมาพันธรัฐสวิส” เป็นประเทศขนาดเล็กขนาดแค่ประมาณสี่หมื่นตารางเมตร(ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณห้าแสนตารางเมตร) แต่พื้นที่สี่หมื่นตารางเมตรแห่งนี้ ไม่เคยทำให้ใครก็ตามที่พาตัวและหัวใจเข้ามาสัมผัสผิดหวังแน่นอนกับประเทศที่ขึ้นชื่อได้ว่าคุณภาพชีวิตของคนในประเทศดี๊ดี นาฬิกาชื่อเสียงก้องโลก ระบบคมนาคมขนส่งทางรางที่สะดวกสุดๆ รวมถึงธรรมชาติกับเมืองที่ทรงไปด้วยเสน่ห์กระจุกำตัวอยู่บนพื้นที่สี่หมื่นตารางเมตรแห่งนี้ มาเที่ยวทัวร์สวิตเซอร์แลนด์กันสักครั้ง
“สวิสเซอร์แลนด์”ตั้งอยู่ในพื้นที่ของทวีปยุโรปกลาง พื้นที่ประเทศไม่มีเขตเชื่อมต่อกับทะเลโดยมีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศออสเตรีย และประเทศลิกเตนสไตน์ โดยแต่ละประเทศเหล่านี้ของยุโรปสามารถเดินทางถึงกันได้สะดวกมากด้วยการเดินทางโดยรถไฟข้ามไปยังประเทศต่างๆได้
ในพื้นที่ประมาณสี่หมื่นตารางกิโลเมตรของสวิสเซอร์แลนด์นั้น 70% เป็นพื้นที่ของภูเขาซึ่งก็คือเทือกเขาแอลป์ที่ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ประกอบกับแม่น้ำที่สำคัญอย่างเช่น แม่น้ำไรน์ แม่น้ำโรน แม่น้ำทิซิโน และแม่น้ำอิน ผสานกันเป็นภูมิประเทศที่น่าหลงไหลของสวิตเซอร์แลนด์ เชื้อเชิญให้เหล่านักเดินทางเข้ามายังดินแดนแห่งนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต
เนื่องจากพื้นที่ของประเทศมีลักษณะต่างกันมาก สภาพอากาศของสวิตเซอร์แลนด์จึงแตกต่างกันตามสภาพพื้นที่ บางแห่งอุณหภูมิในฤดูร้อนและฤดูหนาวจะแตกต่างกันมากๆ อย่างเช่นเมืองซูริคมีอุณหภูมิช่วงน่าร้อนสูงถึงประมาณ 30 องศาเซลเซียส และฤดูหนาวจะมีอุณภูมิต่ำถึงประมาณ -25 องศาเซลเซียสกันเลย โดยที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีการแบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดู ได้แก่
1 ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม – กลางพฤศภาคม)
อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 6-13 องศาเซลเซียส ในช่วงนี้พระอาทิตย์จะเริ่มขึ้นเร็วกว่าตอนหน้าหนาวและตกช้าลง
2 ฤดูร้อน (ปลายพฤศภาคม – กลางกันยายน)
ช่วงนี้อากาศจะร้อนถึงร้อนมากและไม่ค่อยมีฝนตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนกรกฏาคมและสิงหาคมจะเป็นช่วงที่ร้อนที่สุด ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อุณหภูมิในช่วงเวลากลางจะอยู่ระหว่าง 20-28 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิในตอนกลางคืนจะลดลง เหลือประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ก็แล้วแต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี ในช่วงฤดูร้อนนี้จะมีกลางวันที่ยาวนานมากประมาณ 13 ชั่วโมง โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม แต่เมื่อเริ่มเข้าเดือนสิงหาคมพระอาทิตย์ก็จะเริ่มขึ้นช้าลง แล้วก็ตกเร็วขึ้น
3 ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน – กลางพฤศจิกายน)
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีฝนตกชุกมากที่สุด ในบางปีก็มีฝนตกติดต่อกันเป็นอาทิตย์ บางปีก็ตกวันเว้นวัน อุณหภูมิในช่วงนี้จะเริ่มละต่ำลงไปที่ 7-13 องศาเซลเซียสเท่าๆ กับตอนฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเวลากลางวันก็จะลดลง
4 ฤดูหนาว (กลางพฤศจิกายน – ปลายมีนาคม)
ในฤดูนี้อากาศจะเริ่มเย็นลง จวบจนกระทั่งเข้าช่วงกลางเดือนธันวาคมจนถึงปลายมกราคมอากาศจะหนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงนี้ประมาณ -3 ถึง 6 องศาเซลเซียส แต่ในเขตเทือกเขาสูง เช่น บริเวณ Jungfraujoch หรือ Zermatt ก็อาจจะมีอุณหภูมิถึงขนาดติดลบ 10 เลยก็เป็นได้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีหิมะตกหนักในบางเขตด้วย
สวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนเล็กๆ อันเปี่ยมไปด้วยความโรแมนติก ด้วยสถาปัตยกกรมที่โดดเด่น ประเทศที่เป็นกลางทางการเมือง ไม่มีพรมแดนทางธรรมชาติ ไม่มีภาษาหรือวัฒนธรรมและศาสนาประจำชาติร่วมกัน ทำให้ดินแดนแห่งนี้ยิ่งมีเสน่ห์ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวก็มีมากมายตั้งแต่ รีสอร์ทบนภูเขา ทะเลสาป ป่าโปร่งเขียวชอุ่ม ปราสาทยุคโบราณ รวมถึงเมืองที่มีบรรยากาศทั้งแบบยุคใหม่และยุคเก่าที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกจากนี้สวิสเซอร์แลนด์ยังเป็นประเทศที่มีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำมากอีกด้วย
เป็นสันเขาที่ตั้งอยู่บนแนวภูเขา Bernese Alps สูงเหนือระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 3,466 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือ จะมีชุมชนหมู่บ้านเก่าแก่ชื่อ Grindelwald ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา และที่สำคัญคือมี Jungfraujoch Railway Station เป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่สูงที่สุดในยุโรปด้วย
หนึ่งกิจกรรมเด็ดที่นักท่องเที่ยวทุกคนควรได้สัมผัส นั่นคือการนั่งรถไฟชมภูเขาและแมกไม้ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่โรแมนติก ซึ่งรถไฟสายที่โด่งดังมากและอยากจะแนะนำที่สุดนั้นมีอยู่ 2 สาย สายแรกคือ Bernina Express เป็นสายที่เชื่อมต่อตั้งแต่เมือง Chur ของสวิตเซอร์แลนด์ ไปจนถึงเมือง Poschiavo และ Tirano ของอิตาลี โดยรถไฟสายนี้จะวิ่งเลาะผ่านเทือกเขา Swiss Engadin Alps
ส่วนสายที่สองคือ Glacier Express เป็นรถไฟด่วนที่ใครๆต่างต้องขนานนามให้ว่าวิ่งช้าที่สุดในโลก แต่นั่นก็จะทำให้เรามีเวลาเก็บรายละเอียดสวยๆ ของทัศนียภาพได้ตลอดทาง โดยเส้นทางรถไฟจะเชื่อมต่อระหว่างรีสอร์ทภูเขาสองแห่งในเทือกเขา Swiss Alps ได้แก่ St.Moritz และ Zermatt
ภาพจาก twistedsifter.com/2013/11/rhaetian-railway-albula-bernina-landscapes/
เมื่อมาที่ลูเซิร์น หนึ่งสถานที่ต้องแวะมาให้ได้ก็คือ “สะพานไม้ชาเปล” (Chapel Bridge) เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกกกกก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 มีความยาว 204 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อปีคริสตศักราช 1993 สะพานไม้ชาเปลแห่งนี้ได้ถูกไฟไหม้และได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่เช่นในปัจจุบัน
กรุงเบิร์นไม่ได้เป็นเมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์ แต่มีความสำคัญมากเสมือนหนึ่งเป็นเมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์ไปแล้ว ภายในเบิร์นมีเมืองเก่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกเมื่อปีคริสตศักราช 2010
ใจกลางของย่านเมืองเก่า มีหอนาฬิกา Zytglogge Clock Tower ที่ทุกๆ ชั่วโมงจะสั่นระฆังเสียงดังพร้อมกับมีรูปปั้นสัตว์โผล่ออกมา
พิลาทุสเป็นเขาที่อยู่ในเขตลูเซิร์น มีหลายยอดเขามาก ซึ่งยอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ Tomlishorn มีความสูง 2,128 เมตร ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากเมื่อจะมีที่เขาพิลาทุสนี้ก็คือการนั่งรถไฟสายพิลาทุส (Pilatus Railway) เพราะรถไฟสายพิลาทุสเป็นรถไฟที่สูงชันที่สุดในโลก!!!
อเลิท์ซกลาเซียร์เป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเทือกเข้า Alps มีความยาวมากกว่า 20 กิโลเมตร หนาประมาณ 700 เมตร ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติไปแล้ว
สำหรับการเยี่ยมชมธารน้ำแข็งอเลิท์ซกลาเซียร์เมื่อมาทัวร์สวิสเซอร์แลนด์ อาจจะต้องไปตั้งต้นการเดินทางที่เมืองเฟียช (Fiesch) และขึ้นรถกระเช้าไปที่ยอดเขาแองกิสฮอร์น (Eggishorn) ก็จะได้สัมผัสกับธารน้้ำแข็งมรดกโลกแห่งนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ใช้ระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าเหมือนกับบ้านเราคือประมาณ 220 – 250 โวลต์ สามารถใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เราใช้ในประเทศไทยได้ทุกชนิด แต่ที่แตกต่างกันจะเป็นหัวปลั๊กที่เป็นแบบสามขาชนิด J (Type J ) ที่เป็นรูกลมซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้ทั่วไปกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในเมืองไทย แต่คงไม่เป็นปัญหากับเหล่านักเดินทางอยู่แล้วเพราะหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อเราต้องออกไปท่องโลกกว้างก็คือ Universal Adapter ที่มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด มีที่ปรับแค่ขาอุปกรณ์และแบบที่ปรับแรงดันไฟฟ้าให้ด้วยก็มี
ภาพปลั๊กแบบต่างๆจาก //gearpatrol.com/2015/02/06/guide-to-plugs-and-sockets-by-country/
ที่สวิตเซอร์แลนด์เราไม่สามารถซื้อยารักษาโรคตามร้านขายยาทั่วไปได้ทันที การซื้อยาที่สวิตเซอร์แลนด์จะมีขั้นตอนยุ่งยากมากโดยจะต้องมีใบสั่งจากแพทย์ก่อนจึงจะสามารถซื้อยาได้ ฉะนั้นเราจำเป็นต้องเตรียมยาให้พร้อม อย่างยารักษาโรคประจำตัว ยาดม ยาแก้ปวดเมื่อย ยาแก้ปวดหัว หรืออื่นๆไปเอง แต่ทางที่ดีที่สุดเราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการออกเดินทางจะได้สัมผัสบรรยากาศก่อนสวิตเซอร์แลนด์ได้เต็มที่โดยไม่มีอะไรมาขัด