เวียดนามใต้ ก็จะมีเมืองที่เราคุ้นเคยอย่างโฮจิมินห์ ดาลัด หรือมุยเน่เป็นเมืองในตารางทัวร์เวียดนามใต้ที่ไม่ว่าใครก็ต้องกำหนดให้สามเมืองนี้เป็นเป้าหมายในการเดินทาง นอกจากนี้ที่เวียดนามใต้ยังสามารถสัมผัสทะเลทรายแห่งโลกตะวันออกหรือไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างแบบตะวันตกได้โดยไม่จำเป็นต้องไปถึงยุโรปหรือแอฟริกากันเลย
เวียนนามใต้ ดินแดนทางใต้ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งในประวัติศาสตร์ดินแดนเวียดนามใต้มีการเข้ามาจากโลกตะวันตก ทำให้สิ่งก่อสร้างสำคัญที่มีในพื้นที่ได้รับอิทธิพลการออกแบบจากโลกตะวันตก อย่างเช่น “โบสถ์นอร์ทเธอดาม” หรือสถานที่อื่นๆ ของเวียดนามใต้ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ววิถีชีวิตของความเป็นเวียดนามยังคงอยู่เต็มเปี่ยม
เวียดนามใต้ที่เป้นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจกันกับเหล่านักเดินทางทั่วโลกก็จะมีหลักๆ คือ นครโฮจิมินห์ ฟานเที้ยต ดาลัท โดยสามเมืองนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็จะปรากฏอยู่ในเส้นทางทัวร์เวียดนามใต้ของทุกคนที่มีเป้าหมายมายังเวียดนามใต้แน่นอน
นครโฮจิมินห์ หรือ “ไซ่ง่อน” เป็นเมืองที่ได้รับฉายาว่า “ไข่มุกแห่งตะวันออกไกล” มีประวัติศาสตร์ของเมืองยาวนานกว่า 300 ปี บนพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ทำให้ระดับพื้นที่เฉลี่ยนอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางแค่ประมาณ 5-6 เมตรเท่านั้นเอง
ภายในนครโฮจิมินห์ ก็จะมีสถานที่มากมายโดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่าง หมู่บ้านใต้ดิน อุโมงค์กูจี ก็เป็นจุดหมายที่ต้องเดินทางไปให้ได้ เพื่อเรียนรู้ความเป็นมาของประเทศแดนแห่งนี้
เป็นเมืองผ่านเพื่อการเดินทางไปชมทะเลทรายมุยเน่ ซุ่ยเทียน โดยการเดินทางจากนครโฮจิมินห์มายัง “ฟานเที้ยต” จะใช้เวลานานมากหน่อยถึงประมาณ 5 ชั่วโมงกันเลย เนื่องจากมีการจำกัดคความเร็วในการเดินทาง
ต่อจากการลุยทำเลทรายแดงมาแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อมายังทะเลทรายสีขาวแห่ง “ดาลัท” แต่นอกจากทะเลทรายแห่งโลกตะวันออกแล้ว ที่ “ดาลัท” ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นอีกมากมาย ที่พลาดไม่ได้ก็บรรยากาศเมืองดาลัทนี่เอง ที่สามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้าชมเมืองดาลัทจากมุมสูงได้
เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางไปเวียดนาม หากอยู่ในเวียดนามไม่เกิน 30 วันนั้นไม่จำเป็นต้องทำการยื่นขอวีซ่าล่วงหน้า โดยเวลา 30 วัน ก็น่าจะทำให้เหล่านักเดินทางหลายๆท่านได้เต็มอิ่มกับเวียดนามได้อย่างแน่นอน
ที่เวียดนามใช้ไฟฟ้าเหมือนที่ประเทศไทยเรา ทั้งเรื่องแรงดันไฟฟ้าที่ประมาณ 220 โวลต์และเรื่องของความถี่ที่ 50 เฮิร์ต รวมถึงรูปแบบของปลั๊กเกือบทั้งหมดจะเป็นแบบที่ประเทศไทยเราใช้งาน แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาดสำหรับนักเดินทางท่องโลก อาจจะต้องพก Universal Adapter ไว้แปลงทั้งรูปแบบปลั๊กและแรงดันไฟเผื่อบังเอิญเจอสถานที่ ที่ปลั๊กไม่คุ้นเคย
สำหรับเรื่องของการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ประเทศเวียดนามนั้น เป็นเรื่องที่หาได้ง่ายมาก(ปัจจุบัน พุทธศักราช 2561) แทบจะทุกโรงแรมมีฟรีไวไฟให้ใช้งาน แม้แต่ร้านข้าวแกงข้างถนนหลายๆร้านยังมีให้ใช้เลย แต่ถ้าท่านใดต้องการความเป็นส่วนตัว ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลาก็สามารถเลือกซื้อซิมการ์ดอินเตอร์เน็ตที่เวียดนามได้เลย ซึ่งอินเตอร์เน็ต 3 GB ราคาประมาณ 300 บาทสามารถใช้งานได้ 30 วัน โดยจะมี 3 ผู้ให้บริการหลักๆให้เลือกใช้งานคือ Mobifone Vinaphone และ Viettel